ตอนที่ 8 เรื่องราวในโลกก่อน บทที่ 6


-- มุมมองของทัตสึยะ --

แม้แต่ยูเมะจังกับฮารุกะจังก็ด้วย....

ถึงแม้จะเป็นความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ แต่ในกลุ่มพวกเราก็มีเพียงแค่ยูเมะซามะและฮารุกะซามะเท่านั้นที่มีพลังเวทสูงมากพอจะเทียบได้กับจอมเวทระดับตำนานอย่าง อุเอดะ เมล และถ้าหากในตอนนั้นทั้งสองคนไม่สามารถหยุดเธอเอาไว้ได้ล่ะก็ พวกเราคงจะพ่ายแพ้สงครามและไม่เหลือความหวังอยู่แล้วล่ะค่ะ

ถึงแม้นี่จะเป็นเพียงภาพในความทรงจำของเอริจัง แต่การที่ต้องมาเห็นยูเมะจังและฮารุกะจังทุ่มพลังเวททั้งหมดในการต่อสู้และจากไปแบบนั้นก็ทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดจนแทบคลั่ง ถ้าว่าหากนี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกของผมล่ะก็ ผมไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าตัวผมเองจะทำอะไรลงไปหลังจากนั้นบ้าง

และเมื่อไม่มี อุเอะ เมล ซึ่งเป็นสื่อกลางควบคุมการล้างสมองของพวกนักรบต้องสาปแล้ว พวกเราที่พยายามหาวิธีอยู่นานก็สามารถช่วยถอนคำสาปให้กับพวกนักรบต้องสาปได้สำเร็จ ซึ่งก็แน่นอนว่ามีหลายคนเลยที่อดทนไม่ไหวและได้เสียชีวิตไปก่อนที่พวกเราจะสามารถช่วยเอาไว้ได้

โดยคนที่พวกเราสามารถช่วยให้หลุดจากการควบคุมของคำสาปได้นั้นก็มี สเตล่า เอลริสเต้ ทูรี่ นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีผู้ชายอีกหลายคนจากหลายเผ่าพันธุ์ที่ผมไม่รู้จัก จริงๆต้องบอกว่าผมไม่แน่ใจว่าเคยไปรู้จักหรือพบเจอกันที่ไหนหรือเปล่า ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ล่ะนะ

และหลังจากที่ถูกช่วยเอาไว้แล้ว พวกเค้าส่วนใหญ่ก็ได้ตัดสินใจเข้าร่วมกับกองทัพพวกเราเพื่อทำการล้างแค้น ทุกคนนั้นล้วนแล้วแต่ถูกคนจากศาสนจักรไม่ก็จักรวรรดิเอลติซข่มขู่หรือหลอกลวงด้วยกันทั้งนั้น โดยที่แย่ที่สุดก็คือบางคนนั้นถึงกับลงมือทำร้ายคนรักหรือครอบครัวตัวเองไปโดยไม่รู้ตัว

อย่างทูรี่นั้นเธอถึงกับใช้พลังของคำสาปฆ่าล้างพ่อแม่พี่น้องของเธอเองหมดทั้งครอบครัว เรื่องราวของเธอนั้นเป็นเรื่องราวที่เจ็บปวดจนยากที่จะสามารถจินตนาการได้ และถึงแม้จะเป็นแบบนั้นเธอก็ยังตัดสินใจที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ แต่นั่นก็เพียงเพื่อที่จะล้างแค้นให้กับครอบครัวเพียงเท่านั้น

และถึงแม้บางคนจะไม่ได้ลงมือกับคนในครอบครัวของตัวเอง แต่พวกเค้าก็ได้ลงมือฆ่าล้างสังหารผู้คนบริสุทธิ์ทั้งเด็กและผู้หญิงไร้ทางสู้ไปมากมาย อย่างสเตล่าเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ในตอนที่เธอได้สติกลับคืนมาเธอถึงกับพยายามที่จะฆ่าตัวตายเพื่อชดใช้ความผิด แต่ตัวผมในโลกนั้นก็ได้ทำการลงโทษเธออย่างหนักจนเธอยอมเปลี่ยนใจมาเข้าร่วมกับพวกเราแทน

หลังจากนั้น พวกเราก็รวบรวมกำลังทั้งหมดและนำกองทัพบุกเข้าไปโจมตีทวีปเอโลเนียซึ่งเป็นที่ตั้งเมืองหลวงจักรวรรดิเอลติซ ซึ่งในตอนแรกนั้นก็เรียกว่าเป็นไปด้วยดีเพราะกำลังทหารส่วนใหญ่ของจักรวรรดิเอลติซและศาสนจักรนั้นแทบจะไม่เหลืออยู่แล้ว แต่แล้วเมื่อเผ่าวัลคิเรีย(เผ่าพันธุ์นักรบสวรรค์)ได้มาเข้าร่วมในสงคราม สถานการณ์ก็ได้พลิกกลับอีกครั้งน่ะค่ะ

เผ่าวัลคิเรียงั้นเหรอ....

จากภาพในความทรงจำของเอริจังที่ได้แสดงออกมานั้น เหล่านักรบสาวจากเผ่าวัลคิเรียนอกจะจากเชี่ยวการรบจากบนฟากฟ้าแล้ว พวกเธอก็ยังมีเกราะเวทมนต์ที่ทรงพลังเป็นอย่างมาก การจะจัดการกับพวกเธอแต่ละคนนั้นจำเป็นจะต้องใช้เวทมนต์ระดับสูงถึงจะทะลวงเข้าไปได้ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่พวกเราจะกลายเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ

แต่ถึงแม้จะเสียเปรียบแค่ไหนพวกเราก็ไม่คิดที่จะยอมแพ้ พวกเราได้ทุ่มสุดตัวโดยไม่สนใจว่าจะต้องสูญเสียพวกพ้องหรือกำลังทหารไปมากแค่ไหน และนั่นก็ทำให้พวกเราสามารถตีฝ่ากองทัพของเผ่าวัลคิเรียเข้าไปถึงยังชั้นบนสุดของปราสาทเอลติซ ซึ่งเป็นที่อยู่ของเทพธิดาผู้ทรยศจนได้ในที่สุด

ภาพการต่อสู้อันดุเดือดระหว่างเทพธิดาผู้ทรยศกับตัวผม เอริจังและพวกเพื่อนๆคนอื่นที่ชั้นบนสุดของปราสาทเอลติซนั้นคล้ายกับภาพที่ผมได้เห็นบ่อยๆเวลาที่เข้าไปต่อสู้กับพวกเทพต่างๆในเกม RPG ทั้งการโจมตีด้วยขนปีกเทพธิดา หรือการโจมตีด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์จากฟากฟ้า

นี่ตัวผมเองก็ตายไปด้วยงั้นเหรอเนี่ย….

พอได้มาเห็นภาพของตัวผมเองที่ได้กระโดดเข้าไปรับลำแสง 7 สีขนาดใหญ่ของเทพธิดาผู้ทรยศเพื่อปกป้องเอริจัง ผมก็รู้สึกได้เลยว่ามันเป็นการกระทำที่เท่เอามากๆ น่าเสียดายที่แม้ว่าจะปกป้องเอริจังเอาไว้ได้ แต่ตัวผมก็ดันมาเสียชีวิตไปโดยแทบจะไม่มีเวลาสั่งเสีย....

ส่วนคำพูดสุดท้ายของผมที่พูดกับเอริจังนั้นก็....

ทั้งๆที่จะตายแล้วแต่ก็ยังอุส่าหันมาบอกรักชั้นก่อนเนี่ย ในตอนนั้นชั้นทั้งดีใจและเสียใจจนทำอะไรไม่ถูกเลยล่ะค่ะ อุฟุฟุ!!

เรื่องนั้นมันก็ช่วยไม่ได้ใช่มั๊ยล่ะ เพราะมีเวลาเพียงแค่นั้นจะให้ผมมาคิดคำพูดให้มันสวยหรูเนี่ย ยังไงก็คงไม่ทันอยู่แล้วล่ะน่า

หลังจากที่ผมตายไป พลังมานาเข้มข้นที่อยู่ในร่างกายของผมก็ถูกปลดปล่อยออกมา แล้วเอริจังก็ได้ทำการแปลงมานาเข้มข้นทั้งหมดนั้นเป็นพลังเวทและสร้างดาบสีดำขนาดใหญ่ออกมา จากนั้นเธอก็พุ่งเข้าโจมตีใส่เทพธิดาผู้ทรยศ

หลังจากที่สามารถจัดการกับเทพธิดาผู้ทรยศไปได้แล้ว ชั้นก็ได้กลืนกินวิญญาณของเทพธิดาผู้ทรยศเข้าไป แล้วในตอนนั้น พอรู้สึกตัวอีกทีชั้นก็ได้มาอยู่ที่อาณาเขตแห่งพระเจ้านี้แล้วน่ะค่ะ

 กลืนกินวิญญาณของเทพธิดาแล้วก็ได้มาอยู่ที่นี่….

เมื่อได้ยินคำพูดของเอริจังก็ทำให้ผมเริ่มคิดไปหลายๆอย่าง ก่อนอื่นเลยก็คือการที่เอริจังได้มาสืบทอดตำแหน่งพระเจ้าต่อจากรุ่นก่อนนั้นก็น่าจะเป็นเพราะเธอได้รับสิทธิ์การสืบทอดจากการที่เธอกลืนกินวิญญาณของเทพธิดาผู้ทรยศเข้าไป แต่ไอ้การที่เอริจังสามารถกลืนกินวิญญาณเข้าไปได้เนี่ย มันเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน….

Soul Eater เป็นสกิลที่ชั้นมีติดตัวมาตั้งแต่แรก ความสามารถของมันก็คือการทำให้ชั้นได้รับความสามารถและสกิลต่างๆจากดวงวิญญาณที่ของผู้คนที่ถูกคร่าชีวิตไปได้ แต่ผลเสียก็คือดวงวิญญาณที่ถูกชั้นกลืนกินเข้าไปนั้นจะไม่สามารถไปเกิดใหม่ได้ ซึ่งนั่นก็จะทำให้เกิดผลกระทบที่รุนแรงต่อระบบการเกิดใหม่ของโลกใบนี้ เพราะงั้นชั้นก็เลยลบสกิลนี้ออกไปจากระบบแล้วน่ะค่ะ

ก่อนที่ผมจะได้ถามออกไป เอริจังที่รับรู้ได้ว่าผมกำลังรู้สึกสงสัยในเรื่องนี้ก็ได้ตัดสินใจอธิบายออกมาเสียก่อน แต่ไอ้สกิลขี้โกงไร้ขีดจำกัดแบบนั้นน่ะ ผมคิดว่าการที่เอริจังตัดสินใจลบออกไปนั้นก็เป็นเรื่องที่ดีแล้ว เพราะถ้าหากคนที่กลายเป็นศัตรูของพวกเรามีสกิลขี้โกงอะไรแบบนี้อยู่ล่ะก็ ความเสียหายที่เกิดขึ้นคงจะไม่น้อยอย่างแน่นอน

 ผมเข้าใจแล้วล่ะ แล้วหลังจากนั้นล่ะ เธอขอให้พระเจ้าเลโลเชียคืนชีพให้ผมเหมือนกับที่เทพธิดาผู้ทรยศเคยทำงั้นเหรอ ?

อ๊ะร่ะ สมกับเป็นทัตสึยะซามะสุดที่รักของชั้น เข้าใจสิ่งที่ชั้นคิดเป็นอย่างดีเลยสินะคะ ใช่แล้วล่ะค่ะ ชั้นน่ะรีบเข้าไปกอดขาขอร้องกับพระเจ้าเลโลเชีย ไม่ว่าจะต้องทำเรื่องยากลำบากแค่ไหนหรือต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม ถ้าหากสามารถคืนชีพให้กับทัตสึยะซามะได้ล่ะก็…..แต่ชั้นก็ถูกปฏิเสธกลับมาในทันทีเลยล่ะ อุฟุฟุ

เพราะไอ้กฏแห่งพระเจ้าอะไรนั่นสินะ...เข้าใจละ นั่นก็หมายความว่าหนทางเดียวที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงกฏแห่งพระเจ้าและคืนชีพให้กับผมได้นั้น ก็คือการที่เธอจะต้องขึ้นไปรับตำแหน่งเป็นพระเจ้าแบบนั้นสินะ ?

เมื่อลองคิดทบทวนดูจากเรื่องราวในอดีตของเทพธิดาผู้ทรยศที่เอริจังได้เล่าให้ผมฟังก่อนหน้านี้ ผมก็สามารถไปถึงคำตอบได้ในทันที เพราะถ้าหากมันเป็นเพียงหนทางเดียวที่จะสามารถช่วยคืนชีพให้กับคนที่รักได้ล่ะก็ ต่อให้เป็นตัวผมเองก็คงจะต้องเลือกเส้นทางเดียวกันอย่างแน่นอน

ใช่แล้วล่ะค่ะ มีเพียงแค่ผู้ที่มีตำแหน่งเป็นพระเจ้า เพียงแค่เลโลเชียคนเดียวเท่านั้นที่จะสมารถเปลี่ยนแปลงกฏแห่งพระเจ้าได้ เพราะงั้นชั้นจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการสังหารและกลืนกินวิญญาณของเลโลเชียเข้าไป แต่ในตอนนั้นเลโลเชียไม่ได้คิดจะตอบโต้ชั้นกลับมาเลยสักนิด เธอต้องการที่จะสละตำแหน่งพระเจ้าให้กับชั้นตั้งแต่แรกแล้ว....

นั่นก็หมายความว่าเลโลเชียต้องการที่จะหาผู้สืบทอดตำแหน่งพระเจ้าตั้งแต่แรก….แล้วเธอรู้เหตุผลรึเปล่า ว่าทำไมเลโลเชียถึงได้มีความต้องการแบบนั้น ?

ผมถามในสิ่งที่ผมกำลังสงสัยออกไป ถึงผมจะพอเข้าใจว่าเลโลเชียในตอนแรกนั้นไม่มีพลังมากพอที่จะสามารถฟื้นฟูสมดุลของโลกลอสตาเซียกลับมาได้ แต่ในเมื่อเอริจังสามารถกำจัดเทพธิดาผู้ทรยศลงไปได้แล้ว เลโลเชียก็น่าจะสามารถกลับมาควบคุมดูแลโลกลอสตาเซียได้แบบไม่มีใครคอยขัดขวางแล้ว

สำหรับเหตุผลที่แน่ชัดชั้นเองก็ไม่แน่ใจค่ะ แต่ความรู้สึกผิดที่ถูกเก็บอยู่ภายในวิญญาณของเลโลเชียนั้นมีความรุนแรงมาก เพราะงั้นชั้นคิดว่าบางทีเธอคงจะคิดว่าตัวเธอที่เป็นสาเหตุให้โลกนี้เกือบจะล่มสลายนั้นคงไม่มีคุณสมบัติพอที่จะปกครองโลกลอสตาเซียต่อไป หรือไม่ก็...

...หรือไม่ก็ ?

เธออาจจะกลัวว่าหากตัวเธอเองปกครองโลกลอสตาเซียต่อไปล่ะก็ ความผิดพลาดหลายต่อหลายครั้งเหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นในอดีตจะกลับมาอีกครั้งน่ะค่ะ

กลัวความผิดพลาดงั้นเหรอ ? ผมก็พอเข้าใจหรอกนะเรื่องแบบนั้นน่ะ แต่ว่าเธอเป็นถึงพระเจ้าแล้วดันมากลัวความผิดพลาดเนี่ย….

ถ้าคิดในมุมมองของเด็กสาวที่เป็นมนุษย์ทั่วไปแล้วผมก็คิดว่าไม่ใช่เรื่องแปลก แต่สำหรับคนที่เป็นถึงพระเจ้าผู้สร้างโลกแล้วเนี่ย ผมนึกภาพไม่ออกเลยจริงๆว่าเธอจะมีด้านที่เป็นเหมือนกับเด็กสาวแรกแย้มอะไรแบบนั้น

ตัวเลโลเชียเองนั้น ถึงแม้ภายนอกแล้วเธอจะเป็นถึงพระเจ้าผู้สร้างโลกลอสตาเซีย แต่สภาพภายในจิตใจของเธอนั้นยังบริสุทธิ์ไร้เดียงสาแทบจะไม่ต่างไปจากเด็กสาวมัธยมทั่วไป....แต่สำหรับคนที่เป็นถึงพระเจ้าแล้วเนี่ย ไม่ว่าจะคิดดูยังไงมันก็เป็นเรื่องที่แปลกมากเลยใช่มั๊ยล่ะคะ....ความจริงในตอนที่เจอกับเธอครั้งแรก ชั้นยังคิดเลยล่ะค่ะว่าเธอเป็นเด็กสาวแบบที่ทัตสึยะซามะชอบ อุฟุฟุ

บริสุทธิ์ไร้เดียงสางั้นเหรอ ? ถ้าเป็นแบบนั้นการที่เธอพ่ายแพ้ให้กับเทพธิดาผู้ทรยศแบบนี้ก็คงไม่แปลกล่ะนะ เอาเถอะ เรื่องนั้นจะยังไงก็ได้ ในตอนนี้ผมอยากจะรู้ถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงที่พวกเราถูกอัญเชิญมายังโลกลอสตาเซียแห่งนี้น่ะ เลโลเชียได้บอกกับเธอเอาไว้ก่อนหรือเปล่า ?

ถึงแม้ผมจะรู้สึกสนใจในตัวเด็กสาวที่เป็นอดีตพระเจ้ามากแค่ไหน แต่ยังไงในตอนนี้ก็คงไม่สามารถที่จะพบเจอกับเธอได้แล้ว เพราะงั้นผมจึงได้ถามถึงสิ่งต่อไปที่ผมอยากจะรู้ ซึ่งนั่นก็คือจุดประสงค์ที่แท้จริงที่พวกเราได้ถูกอัญเชิญมายังโลกลอสตาเซีย 

ถึงแม้ผมพอจะคาดเดาได้ว่าการที่พวกเราถูกอัญเชิญมานั้นส่วนหนึ่งก็คงจะเพื่อใช้เป็นอาวุธในการกำจัดเทพธิดาผู้ทรยศ แต่ถ้าหากมันมีเหตุผลอะไรที่มากกว่านั้นผมก็อยากที่จะรู้เอาไว้

สำหรับเรื่องนั้นชั้นเองก็ไม่ได้รับฟังจากเลโลเชียโดยตรง แต่ถ้าหากจะพูดถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงที่พวกเราถูกอัญเชิญมาแล้วล่ะก็ ชั้นคิดว่าคงจะเป็นไปตามที่ทัตสึยะซามะคิด นั่นก็คือการกำจัดเทพธิดาผู้ทรยศรวมถึงการช่วยฟื้นฟูสมดุลคืนในแก่โลกลอสตาเซีย....นอกจากนั้นแล้วก็คงจะเป็นความเหงา.....ล่ะมั้งคะ....

ความเหงางั้นเหรอ ? เลโลเชียอยากให้พวกเราช่วยมาเป็นเพื่อนเล่นกับเธออะไรแบบนั้นงั้นเหรอ ?

คงจะจินตนาการได้ค่อนข้างยากสินะคะ ? ถ้ายังไงลองคิดถึงเด็กสาวมัธยมที่แต่ละวันไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากการเฝ้ามองดูโลกใบนี้ตามลำพังมาตลอดเวลาหลายพันปีดูสิคะ

ถ้าจะพูดแบบนั้นล่ะก็….ตัวเธอเองที่มารับสืบทอดตำแหน่งพระเจ้าก็คงจะเหงาน่าดูเลยสินะ เอริจัง

ผมเข้าไปกระซิบที่ข้างๆหูของเอริจัง จากนั้นผมก็ค่อยๆใช้มือทั้งสองข้างค่อยๆลูบไล้ไปตามส่วนโค้งเว้าบนร่างกายของเธอ สำหรับผิวกายอันเนียนนุ่มบนเรือนร่างแสนเย้ายวนของเอริจังนั้น ไม่ว่าจะลองสัมผัสดูกี่ครั้งก็ล้วนแล้วแต่ทำให้ผมรู้สึกดีสุดๆจนยากที่จะหยุดมือเอาไว้ ทั้งๆที่ตอนแรกผมคิดว่าจะอดทนฟังเรื่องราวไปจนกว่าจะจบ แต่ในตอนนี้ผมรู้สึกว่าตัวผมคงจะไม่สามารถอดกลั้นอารมณ์ความใคร่ที่มีต่อเด็กสาวแสนสวยตรงหน้าคนนี้ได้อีกต่อไปแล้ว

อ๊ะร่ะ นี่พึ่งจะผ่านไปจากตอนนั้นเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง แค่นี้ก็เริ่มอดกลั้นความใคร่เอาไว้ไม่ไหวแล้วงั้นหรือคะ ?

เรื่องนั้นมันก็ช่วยไม่ได้ใช้มั๊ยล่ะ ก็ผมมันเป็นพวกที่มีต้องความการทางเพศสูงกว่าผู้ชายทุกคนบนโลกใบนี้นี่นา

ผมพูดพร้อมกับจับเอริจังกดลงไปบนเตียง จากนั้นผมก็เริ่มดูดไซร้จากบริเวณซอกคอของเธออย่างเร่าร้อนพร้อมๆกับใช้มือทั้งสองข้างบีบเค้นหน้าอกเนียนนุ่มขนาดพอดีมือทั้งสองข้างของเอริจังอย่างหื่นกระหาย

นี่ลืมไปแล้วหรือเปล่าคะ ? ถ้าหากทำเรื่องอย่างว่ากับชั้นมากๆเข้าล่ะก็ ร่างวิญญาณชั่วคราวของทัตสึยะซามะก็จะถูกชำระล้างจนบริสุทธิ์ และต้องถูกส่งกลับไปยังร่างกายที่อยู่บนโลกลอสตาเซียเบื้องล่างในทันทีเลยนะคะ.....

พอได้ฟังเอริจังพูดแล้วมันก็ทำให้ผมนึกขึ้นได้และหยุดมือในทันที.....นี่ผมลืมเรื่องสำคัญไปได้ยังไงกันล่ะเนี่ย.....

2 ความคิดเห็น:

  1. ต่อให้หื่นไม่มีลิมิตแต่เจอมุขนี้เข้าไปมันก็ต้องชะงักเลยสินะ บักทัตเอ๊ย เสียของหมด

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. เอริจังเป็นคนเดียวในเรื่องนี้ที่สามารถทำให้ทัตสึยะหยุดได้เลยนะ ฮา

      ลบ