ตอนที่ 9 การสร้างโลกใบใหม่ บทที่ 1


-- มุมมองของทัตสึยะ --

อ๊ะร่ะ อย่าทำหน้าสิ้นหวังแบบนั้นสิคะ ทัตสึยะซามะน่ะ ต้องเป็นชายหนุ่มที่ทำเท่ได้ตลอดเวลาไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์แบบไหนก็ตามนะคะ อุฟุฟุ

เอริจังพูดพร้อมกับลูบไล้ไปตามร่างกายของผมด้วยรอยยิ้มซุกซน ดูเหมือนว่าเธอจะรู้สึกสนุกสนานไปกับการกลั่นแกล้งผมเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าตัวผมเองนั้นก็ไม่ได้รังเกียจการถูกเด็กสาวแสนสวยอย่างเธอกลั่นแกล้งด้วยวิธีแบบนี้เท่าไหร่ แต่ปัญหาสำคัญที่สุดก็คือ ตัวผมในตอนนี้น่ะ ไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าเอริจังนั้นต้องการให้ผมแสดงออกแบบไหนกันแน่

....นี่เอริจัง ไอ้เรื่องการชำระล้างร่างวิญญาณของผมให้บริสุทธิ์เนี่ย เธอพอจะบอกข้อมูลเกี่ยวกับระยะเวลา จำนวนครั้งหรือเงื่อนไขอะไรอื่นๆให้ผมด้วยได้หรือเปล่า ?

ผมค่อยๆถอนหายใจออกมาพร้อมกับพยายามอดกลั้นอารมณ์ความใคร่ที่กำลังดุเดือดขึ้นมาจากการถูกเอริจังลูบไล้บริเวณช่วงล่างอย่างมากที่สุด จากนั้นจึงเริ่มถามคำถามเอริจังออกไปด้วยน้ำเสียงและแววตาที่จริงจัง

สำหรับเรื่องนี้แล้ว....ชั้นเองก็ยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่เหมือนกันน่ะค่ะ อุฟุฟุ

เอริจังใช้มือข้างขวาแตะไปที่แก้มและเอียงคอเล็กน้อยเพื่อใช้ความคิด แต่คำตอบที่ได้หลังจากที่เธอใช้เวลาคิดไปชั่วครู่หนึ่ง พร้อมๆกับใช้มืออีกข้างของเธอคอยรังแกช่วงล่างของผมไปด้วยนั้นก็คือตัวเธอเองก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ...

อ๊ะร่ะ มันก็ช่วยไม่ได้ใช่มั๊ยล่ะคะ ก็นี่น่ะเป็นครั้งแรกที่ชั้นได้มาลองชำระล้างร่างวิญญาณโดยตรงด้วย แต่ถ้าได้ลองดูอีกสักหลายครั้งล่ะก็ อาจจะทำให้ชั้นเข้าใจอะไรมากขึ้นก็ได้....เพราะงั้นก็มาลองดูกันเลยดีมั๊ยล่ะคะ อุฟุฟุ

....เข้าใจละ ถ้างั้นผมจะพยายามอดกลั้นอารมณ์เอาไว้ให้มากที่สุด ระหว่างนี้ก็ช่วยเล่าเรื่องราวหลังจากที่เธอได้กลายเป็นพระเจ้าให้มากที่สุดก็แล้วกันนะ

ผมพูดพร้อมกับประทับริมฝีปากลงบนแก้มข้างหนึ่งของเอริจังก่อนจะค่อยๆโอบกอดจับเธอกดลงไป แน่นอนว่าผมได้พยายามอดกลั้นอารมณ์ความใคร่เอาไว้อย่างมากที่สุดและไม่ทำอะไรเกินเลยไปมากกว่าการสัมผัสร่างกายภายนอกของกันและกัน

หลังจากที่ชั้นได้รับสืบทอดพลังของพระเจ้าจากเลโลเชียรุ่นก่อนแล้ว สิ่งแรกที่ชั้นทำก็คือการเปลี่ยนแปลงกฏแห่งพระเจ้าเพื่อที่จะได้สามารถคืนชีพให้กับทัตสึยะซามะ....แต่พลังงานเทพที่มีอยู่ในตอนนั้นมันมีน้อยมาก ก็เลยไม่เพียงพอต่อการดำเนินการปรับเปลี่ยนกฏแห่งพระเจ้า เพราะงั้นชั้นก็เลย...

หลังจากที่ได้สืบทอดพลังจากเลโลเชียซึ่งเป็นพระเจ้าคนก่อน เอริจังก็ได้เริ่มทำการศึกษาเรียนรู้วิธีการใช้งานระบบแห่งพระเจ้าอย่างละเอียดจากเทพธิดาสีเงินแห่งความปราดเปรื่องเลซาเรีย โดยสิ่งสำคัญที่สุดในการเข้าไปใช้งานเจ้าระบบที่ว่านั้นก็คือพลังงานเทพซึ่งในตอนนั้นมีเหลืออยู่น้อยมาก

และการจะเก็บรวบรวมพลังงานเทพเข้ามาใหม่จากโลกใบนั้นที่เรียกได้ว่าใกล้จะล่มสลายก็ยิ่งเป็นเรื่องยากยิ่งกว่า เพราะงั้นทางเลือกที่รวดเร็วที่สุดนั้นจึงมีเพียงแค่การขายสิ่งของต่างๆในอาณาเขตแห่งพระเจ้านี้ ซึ่งนั่นก็คงจะเป็นเหตุผลที่ทำให้อาณาเขตแห่งพระเจ้าในตอนนี้แทบจะไม่มีสิ่งของอะไรเหลืออยู่เลย

แต่หลังจากที่ได้ปรึกษากับเทพธิดาเลซาเรียดูแล้ว มันก็ทำให้ชั้นได้รู้ว่า ต่อให้ชั้นขายสิ่งของต่างๆไปเกือบทั้งหมด สิ่งที่ทำได้นั้นก็จะมีเพียงแค่การคืนชีพให้กับทัตสึยะซามะเพียงคนเดียว การจะช่วยเหลือเพื่อนๆคนอื่นและโลกลอสตาเซียที่กำลังจะล่มสลายนั้นไม่สามารถเป็นไปได้น่ะค่ะ....

เพราะเหตุนั้นจึงทำให้ในตอนแรกดูเอริจังรู้สึกลังเลเป็นอย่างมาก ในจิตใจของเธอนั้น สิ่งสำคัญที่สุดก็คือการคืนชีพตัวผมซึ่งเป็นคนรักและคนสำคัญที่สุด แต่ถึงแบบนั้น เธอก็ไม่อาจจะละทิ้งคาโอริจังและเพื่อนสนิทคนอื่นๆไปได้

นอกจากนั้นแล้วชั้นก็คิดว่า หากทัตสึยะซามะถูกคืนชีพมาเพียงลำพังล่ะก็ คงจะรู้สึกไม่ดีแน่ๆ ก็ทัตสึยะซามะน่ะเป็นพวกเจ้าชู้ เพราะงั้นถ้าเหลือเพียงแค่ตัวชั้นคนเดียวแล้วล่ะก็ ชั้นคิดว่าทัตสึยะซามะคงจะไม่สามารถใช้ชีวิตบนโลกลอสตาเซียที่ใกล้จะล่มสลายแบบนั้นต่อไปอย่างมีความสุขได้แน่ๆเลยน่ะค่ะ....

เอริจังพูดพร้อมกับส่งสายตามองไกลออกไปอย่างเหงาๆ ต่างจากสีหน้าซุกซนที่คอยกลั่นแกล้งผมก่อนหน้านี้ เอริจังในตอนนี้น่ะเหมือนกับเด็กสาวอ่อนแอทั่วไปที่ต้องการคนมาคอยปกป้องอยู่เคียงข้าง ซึ่งก็แน่นอนว่าผมไม่คิดจะปล่อยเธอเอาไว้แบบนี้และเริ่มโอบกอดร่างกายของเธอแน่นขึ้น ซึ่งนั่นก็ทำให้เอริจังหันมาและส่งรอยยิ้มให้กับผม รอยยิ้มและแววตาของเธอนั้นได้แสดงความรู้สึกดีใจออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน

ถึงจะพูดไปแล้ว แต่ผมก็จะขอพูดอีกครั้ง ผมขอให้สัญญา ผมจะไม่ทอดทิ้งเธอไปเหมือนกับตัวผมในอีกโลกหนึ่งแน่นอนนะ เพราะงั้นก็เธอไม่ต้องทำสีหน้าเหงาๆแบบนั้นอีกแล้วนะ เอริจัง

ถึงทัตสึยะซามะจะลืมสัญญาไป แต่ชั้นก็จะไม่ยอมปล่อยให้ทัตสึยะซามะต้องมาตายจากไปอีกครั้งอยู่แล้วล่ะค่ะ

เอริจังนำมือขวาของเธอแนบมาที่แก้มของผมและลูบไล้เบาๆก่อนจะพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่แสนอ่อนโยน รอยยิ้มทรงเสน่ห์ที่ไม่ว่าจะเป็นใครก็ต้องถูกดึงดูดให้หลงใหลนั้นทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นไปทั่วทั้งร่ายกายและจิตใจ กับเด็กสาวแสนซนขี้แกล้งคนนี้แล้ว ผมขอสัญญากับตัวเองอีกครั้งว่าจะต้องปกป้องรอยยิ้มของเธอเอาไว้ให้ได้

เพราะเหตุนั้น ทางเลือกสุดท้ายเพียงหนึ่งเดียวที่มีอยู่นั้นก็คือการขายโลกลอสตาเซียทิ้งและสร้างขึ้นมาใหม่...

นี่เอริจังขายโลกลอสตาเซียใบเก่าทิ้งและสร้างขึ้นใหม่งั้นเหรอเนี่ย มันช่างเป็นทางเลือกสุดท้ายที่ผมคาดไม่ถึงเลยจริงๆ แต่หากจะพูดว่าโลกลอสตาเซียนั้นเป็นเหมือนกับสิ่งของสิ่งหนึ่งภายในอาณาเขตแห่งพระเจ้าล่ะก็ ถ้าเป็นแบบนั้นผมก็พอจะเข้าใจถึงความเป็นไปได้

แล้วพอขายทิ้งและสร้างขึ้นมาใหม่แล้ว จากนั้นเธอก็จะทำการอัญเชิญพวกเรามาใหม่ เธอน่าจะคิดอะไรที่คล้ายๆแบบนั้น....ไม่สิ เดิมทีแล้วการลบโลกลอสตาเซียออกไปแบบนั้นเนี่ย มันจะไม่ส่งผลกระทบอะไรขึ้นกับตัวตนของพวกเรางั้นเหรอ ? ไม่สิ ก่อนหน้านั้นยังมีเรื่องที่สำคัญมากกว่าอยู่ เพราะไอ้การขายโลกทิ้งเนี่ยก็หมายความว่า...

ถ้าขายโลกลอสตาเซียทิ้งไปแล้วเนี่ย...แบบนั้นผู้คนที่ยังมีชีวิตอยู่ล่ะ...

เพราะมีข้อมูลแบคอัพในช่วงเวลาก่อนที่พวกเราจะถูกอัญเชิญมาเก็บเอาไว้อยู่ ดังนั้นหลังจากทำการสร้างโลกลอสตาเซียขึ้นมาใหม่แล้ว ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสิ่งมีชีวิตที่เคยมีอยู่นั้นก็แทบจะใกล้เคียงกับคำว่าไม่มีเลยน่ะค่ะ....เพียงแต่ว่า....

มีข้อมูลแบคอัพของโลกลอสตาเซียในช่วงเวลาก่อนที่พวกเราจะถูกอัญเชิญมางั้นเหรอ ถึงแม้ผมจะยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่ถ้ามันไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อผู้คนที่อาศัยอยู่ในโลกลอสตาเซียมากมายนัก มันก็คงเรียกได้ว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่หากดูจากสีหน้าของเอริจังแล้ว ก็ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องบางอย่างที่ทำให้เธอรู้สึกลังเล ซึ่งนั่นก็หมายความว่า...

การลบโลกลอสตาเซียทำให้เกิดผลกระทบขึ้นกับตัวตนของพวกเรางั้นสินะ ?

ใช่แล้วค่ะ การขายโลกลอสตาเซียทิ้งนั้นจะส่งผลให้กลายเป็นว่าเผ่าปีศาจนั้นไม่ได้ถูกอัญเชิญมายังโลกใบนี้ ซึ่งนั่นก็หมายความว่าทุกคนควรจะได้กลับไปมีชีวิตอยู่ในโลกเดิม ซึ่งนั่นก็จะส่งผลให้ประวัติศาสตร์ในโลกเดิมของเรานั้นต้องเปลี่ยนไป แต่ปัญหาก็คือแม้แต่เทพธิดาเลซาเรียเองก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวชั้นซึ่งเป็นผู้สืบทอดของเลโลเชียน่ะค่ะ....

ถึงแบบนั้นเอริจังก็ได้ตัดสินใจที่จะลองเสี่ยงดู ไม่ว่ามันจะเกิดผลกระทบอะไรขึ้นกับตัวของเธอ ไม่ว่าจะเกิดผลกระทบแบบไหนขึ้นกับประวัติศาสตร์ หรือไม่ว่าจะมีอีกกี่ชีวิตที่จะต้องการเสียสละจากเรื่องนี้ แต่ถ้าหากมันเป็นเพียงหนทางเดียวที่สามารถช่วยคืนชีวิตให้กับตัวผมรวมถึงพวกเพื่อนๆคนอื่นได้แล้วล่ะก็ เอริจังก็พร้อมที่จะยอมแลกด้วยทุกอย่าง เอริจังนั้นได้ตัดสินใจที่จะรับบาปทั้งหมดที่เกิดขึ้นเอาไว้เพียงคนเดียว

แต่แล้วการลองเสี่ยงในครั้งนั้นก็ถือได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่านะคะ เพราะนอกจากตัวชั้นในโลกนี้จะไม่ได้รับผลกระทบอะไรแล้ว มันก็ยังทำให้ชั้นได้รับสิทธิ์ในการเข้าไปดูเรื่องราวที่เกิดขึ้นบนโลกเก่าของพวกเรา ซึ่งเป็นโลกที่มีตัวชั้นอีกคนหนึ่งถูกสร้างขึ้นมาแทนที่ด้วย....

เอริจังอีกคนหนึ่งงั้นเหรอ....

พอลองนึกดูแล้ว การที่มีเอริจังถึงสองคนเนี่ย มันไม่น่าจะใช่สิ่งที่สามารถเป็นไปได้ แต่หากลองคิดไปตามหลักการของพวกนิยายหรือมังงะแนวย้อนเวลาทั้งหลายที่ผมได้เคยอ่านมาแล้ว มันก็มีอยู่หลายเรื่องเหมือนกันที่ตัวเอกจะได้ไปพบและให้การช่วยเหลือตัวเองอีกคนหนึ่งในอดีต

ไม่สิ ไอ้เรื่องที่สำคัญกว่านั้นก็คือการที่เอริจังสามารถเข้าไปดูเรื่องราวที่เกิดขึ้นบนโลกเก่าของพวกเราได้ เพราะถ้าเป็นแบบนั้นก็หมายความว่า เอริจังน่าจะได้เห็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวผมและพวกเพื่อนๆคนอื่นๆในอนาคตอีกเส้นโลกหนึ่งที่ไม่ได้ถูกอัญเชิญมายังโลกใบนี่น่ะสิ!!!

นี่เอริจัง ที่เธอบอกว่าได้รับสิทธิ์เข้าไปดูเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโลกเก่าของพวกเราเนี่ย ในตอนนี้ก็ยังสามารถเข้าไปดูได้ใช่หรือเปล่า ?.....แต่ไม่สิ....เพราะพวกเราเองก็ได้ถูกอัญเชิญมาอีกรอบด้วยนี่นะ.....มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ล่ะเนี่ย ?

ในตอนแรกผมรู้สึกตื่นเต้นมากเกี่ยวกับการจะได้รับรู้เรื่องราวของตัวเองในอีกเส้นโลกหนึ่ง แต่พอลองมาคิดทบทวนดูดีดีแล้ว เนื่องจากว่าพวกเราในโลกใบใหม่ได้ถูกอัญเชิญมาอีกครั้ง นั่นก็แสดงว่าเอริจังต้องมีเหตุผลสำคัญในการที่จะไม่ยอมปล่อยให้พวกเราใช้ชีวิตอยู่ในโลกใบเก่า

เพราะถ้าเธอแค่ต้องการพบกับผมและพวกเพื่อนๆอีกครั้งล่ะก็ การให้คนอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้องได้กลับไปใช้ชีวิตในโลกเก่าอย่างมีความสุขและไม่ต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวกับโลกใบนี้น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า ผมคิดไม่ออกเลยจริงๆว่ามีความจำเป็นอะไรที่จะต้องอัญเชิญผู้คนจำนวนมากมาพร้อมกับห้างเซย์ริเอน

ในช่วงวันแรกที่ห้างเซย์ริเอนถูกอัญเชิญมานั้น ทั้งเด็กและผู้หญิงจำนวนมากเลยที่ได้มาเสียชีวิตไปอย่างโหดร้าย เพราะงั้นผมจึงไม่คิดว่าเด็กสาวอย่างเอริจังซึ่งเคยได้ประสบเหตุการณ์แบบนั้นมาด้วยตัวเองจะปล่อยให้เหตุการณ์แบบนั้นได้กลับมาเกิดขึ้นอีกครั้ง

นั่นก็หมายความว่า....เอริจังไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้งั้นเหรอ ?

สำหรับเรื่องที่ต้องทำการอัญเชิญทุกคนมานั้น ต้องบอกว่ามันไปเป็นตามที่ทัตสึยะซามะคิด เพราะมีเหตุผลที่ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้....ส่วนเรื่องสิทธิ์ในการเข้าไปดูเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโลกเก่านั้นคงต้องบอกว่ายังมีอยู่....

เพียงแต่ว่าในตอนนี้มันกลายเป็นโลกหลังจากที่ทัตสึยะซามะและทุกคนได้ถูกอัญเชิญมายังโลกใบนี้แล้ว.....เพราะอีกโลกหนึ่งที่ทัตสึยะซามะไม่ได้ถูกอัญเชิญนั้นได้ถูกลบหายไปหลังจากที่ชั้นได้สร้างโลกลอสตาเซียขึ้นมาใหม่....หมายถึงหลังจากที่ชั้นได้ปล่อยให้การอัญเชิญเผ่าปีศาจเกิดขึ้นอีกครั้งแล้วน่ะค่ะ

ราวกับว่าสามารถอ่านใจผมได้ เอริจังได้ตอบคำถามที่ค้างอยู่ในใจของผมออกมา และถึงแม้คำตอบของเธออาจะฟังดูค่อนข้างเข้าใจยากสักหน่อย แต่ถ้าลองคิดทบทวนดูผมก็พอจะเข้าใจได้ พูดง่ายๆก็คืออีกเส้นโลกหนึ่งที่พวกเราไม่ได้ถูกอัญเชิญมานั้นจะไม่เกิดขึ้น เพราะการอัญเชิญเผ่าปีศาจซึ่งก็คือพวกเราทุกคนนั้นได้กลับมาเป็นจริงอีกครั้ง

แต่ที่น่าสงสัยที่สุดในตอนนี้ก็คือ....

เหตุผลที่บอกว่าไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงเนี่ย.....มันคืออะไรกันนะ ?

สำหรับเรื่องนั้น....ให้ดูจากภาพในความทรงจำของชั้นคงจะทำให้เข้าใจได้ง่ายกว่านะคะ

เอริจังพูดพร้อมกับนำหน้าจอขนาดเล็กขึ้นมาและเปิดภาพเรื่องราวที่เกิดขึ้นในความทรงจำของเธอให้ดูด้วยสีหน้าเศร้าๆ

โตเกียวถูกมิสไซส์ถล่ม ? มันเกิดอะไรขึ้นล่ะนั่น.....

ภาพที่ปรากฏขึ้นมาให้ผมเห็นต่อหน้าในตอนนี้คือภาพการพลังทลายของอาคารต่างๆภายในโตเกียวที่ถูกโจมตีด้วยมิสไซส์จำนวนมาก แน่นอนว่าห้างเซย์ริเอนที่พวกเรากำลังไปซื้อของกันอยู่ในวันนั้นเองก็ดูเหมือนจะอยู่ในพื้นที่การโจมตีด้วยเช่นเดียวกัน....

นี่มัน.....เกิดอะไรขึ้นกับโลกเก่าของพวกเรากันนะ.....?

2 ความคิดเห็น:

  1. สงครามโลกครั้งใหม่? ไวรัสแพร่ระบาดจนต้องยิงนิวเคลียร์ถล่ม? เอเลียนต่างโลกบุก? หรือภาพหลอกมโนไปเอง?

    /ซู๊ด กาวถุงนี้กำลังดีได้ที่เลยแฮะ...

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. หุหุ รู้สึกเหมือนใช้เวลาเล่าเรื่องนานมากเลยกว่าจะมาถึงจุดนี้สักที....การล่มสลายของโลกเก่า

      ลบ